บ้าน คอนโด มือสอง ชลบุรี 28

สารบัญ | เลือกอ่านเกี่ยวกับบ้าน

คุณสมบัติของผู้กู้

* อายุ * อาชีพ * รายได้

คุณสมบัติของผู้กู้ส่วนใหญ่แต่ละธนาคารจะมีข้อกำหนดคล้ายกัน เช่น ต้องมีอายุระหว่าง 20-70 ปี มีรายได้แน่นอนเพียงพอต่อการผ่อนชำระเงินกู้ กรณีเป็นพนักงานประจำต้องมีรายได้ขั้นต่ำ 10,000 บาทต่อเดือน หรือกรณีเป็นเจ้าของกิจการต้องมีรายได้ขั้นต่ำ 15,000 บาทต่อเดือน

สำคัญที่สุดคือ เช็กความพร้อมทางการเงินของเราก่อน แสดงให้ธนาคารเห็นว่าเรามีความสามารถจัดการหนี้สินแต่ละเดือนได้ (มีสภาพคล่องทางการเงินดี) เริ่มต้นจากการเคลียร์หนี้ให้หมด มีเงินออมต่าง ๆ มีประวัติการเงินที่ดีจากเงินที่เข้าบัญชีอย่างสม่ำเสมอ เป็นการแสดงวินัยทางการเงินของเรา ทั้งหมดล้วนมีประโยชน์ประกอบการพิจารณาให้สินเชื่อบ้านของแต่ละธนาคาร

* ผู้กู้ร่วม * ประวัติเครดิต/ประวัติการชำระหนี้

บางครั้งอาจเกิดกรณีกู้คนเดียวไม่ผ่าน กู้ร่วมกันคือคำตอบที่เราทำได้ เพียงแต่ต้องศึกษาข้อมูลรายละเอียด หรือข้อกำหนดต่าง ๆ ก่อนเซ็นสัญญากู้ร่วมเพื่อไม่ให้เสียประโยชน์ในอนาคต โดยปกติผู้ที่สามารถกู้ร่วมกับเราได้ก็คือ บิดา-มารดา คู่สมรส บุตร พี่-น้อง และ/หรือบุคคลอื่นได้ไม่เกิน 1 คน เช่น คู่รัก คู่หมั้น เป็นต้น ซึ่งผู้กู้ร่วมต้องผ่านการตรวจสอบประวัติทางการเงินด้วย เช่น มีรายได้สม่ำเสมอ ไม่ติดแบล็คลิสต์ มีประวัติการชำระหนี้ที่ดี สามารถรับผิดชอบหนี้ร่วมกันได้ โดยธนาคารจะทำการขอข้อมูลจากบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB) รวมถึงข้อมูลอื่น ๆ ที่จำเป็นตามหลักเกณฑ์ของแต่ละธนาคารมาประกอบการพิจารณาต่อไป

หลักเกณฑ์การให้กู้

* หลักทรัพย์ที่เป็นที่อยู่อาศัย * รายได้และภาระหนี้ของผู้ขอสินเชื่อ

ปกติธนาคารจะให้วงเงินสินเชื่อสูงสุดในการประเมินหลักทรัพย์นั้น ๆ อยู่ที่ 70-95% ของราคาประเมินหรือราคาซื้อขาย ซึ่งราคาที่ได้ไม่เท่ากันนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของหลักทรัพย์ที่นำมาประเมิน เช่น บ้านหรือคอนโดมิเนียมมักได้วงเงินสูงกว่าที่ดินเปล่า อาคารพาณิชย์ และบ้านมือสองที่ไม่ได้รับการปรับปรุงให้ดีก่อนประเมิน

การพิจารณาวงเงินสินเชื่อที่ธนาคารให้โดยทั่วไปใช้ 2 ส่วนประกอบกันคือ ความสามารถทางการเงินของผู้ขอสินเชื่อ  ได้แก่ รายได้ ภาระหนี้ เป็นต้น และหลักทรัพย์ที่นำมาเป็นหลักประกัน ได้แก่ ประเภทตำแหน่งที่ตั้ง บริษัท เจ้าของโครงการ เป็นต้น ทั้งหมดนี้ช่วยให้รู้ว่าเราสามารถขอสินเชื่อได้เท่าไร่

* รายได้ * ภาระหนี้ (บ้าน รถยนต์ บัตรเครดิต) * ผู้กู้ร่วม

ปกติธนาคารมักให้วงเงินสินเชื่อประมาณ 30-50 เท่าของรายได้สุทธิต่อเดือน แต่การขอสินเชื่อให้ได้วงเงินตามต้องการจะขึ้นอยู่กับความสามารถทางการเงิน อาชีพและรายได้ที่ได้รับอย่างสม่ำเสมอของแต่ละคน เช่น ผู้มีอาชีพมั่นคงอย่างพนักงานบริษัท พนักงานรัฐวิสาหกิจ ข้าราชการ หรืออาชีพอื่น ๆ ที่มั่นคงและมีรายได้สูง วงเงินสินเชื่อที่ได้ย่อมสูงตาม บวกกับความสามารถในการผ่อนว่ามีเท่าไรด้วย ข้อนี้สำคัญเพราะไม่ได้การันตีว่ารายได้เยอะแล้วจะได้เงินกู้มาก หากคุณมีหนี้เยอะหรือมีภาระเยอะเงินกู้ที่ได้ย่อมน้อยลง เช่น ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ผ่อนบัตรเครดิต ฯลฯ หนี้เหล่านี้จะถูกนำมาคำนวณโดยใช้อัตราผ่อนต่อเดือน ส่วนหนี้บัตรเครดิตใช้ 10% ของยอดหนี้มาคำนวณ

หากวงเงินที่ได้ต่ำกว่าที่ต้องการ เราอาจต้องลดราคาบ้านที่อยากซื้อลง มองหาบ้านที่ตรงกับวงเงินที่ได้แทน ขอวงเงินสินเชื่อให้น้อยลงกว่านี้ หรือไม่ก็มองหาผู้กู้ร่วมมาช่วย เพราะธนาคารจะนำรายได้และภาระหนี้ของผู้กู้ร่วมมาพิจารณาด้วย ช่วยเพิ่มโอกาสให้ได้รับวงเงินสูงขึ้นและกู้ได้ง่ายขึ้นอีก แต่ไม่ว่ากู้คนเดียวหรือกู้ร่วม สิ่งที่เราควรทำอย่างยิ่งคือ การมีวินัยทางการเงินที่ดี ไม่ควรมีภาระหนี้เยอะไป ถ้ามีก็รีบผ่อนให้หมด อย่าหนี-ไม่มีแล้วไม่จ่ายเด็ดขาด เพื่อไม่ให้ตัวเองโดนลงประวัติทางการเงินที่ไม่ดี บางทีแต่ละธนาคารอาจเรียกประวัติเหล่านี้ขึ้นมาประกอบการพิจารณาสินเชื่อก็ได้

เห็นแบบนี้แล้วลดโอกาสการกู้ไม่ผ่านหรือได้วงเงินต่ำกว่าที่คิด เพราะเราได้รับคำแนะนำถึงคุณสมบัติผู้กู้และหลักเกณฑ์การให้กู้ซื้อบ้านแล้ว แค่เช็คให้ครบก่อนขอกู้ทุกอย่างก็เรียบร้อยผ่านฉลุยค่ะ หรือไม่ก็ลองใช้โปรแกรมคำนวณเงินผ่อนชำระต่อเดือนว่าอยู่ที่เท่าไร และต้องใช้ระยะเวลานานเท่าไหร่ในการผ่อนชำระ บางโปรแกรมใส่ทั้งรายได้และภาระหนี้ของผู้กู้ร่วมได้อีกด้วย เช่น บริการในเว็บไซต์ และแอพพลิเคชั่นบนระบบ iOS และ Android ทำให้รู้ความสามารถทางการเงินของตัวเองก่อน สร้างความสบายใจให้ด้วยว่าเราทำได้ บ้านในฝันต้องอยู่ในมือเราแน่นอน

Scroll to Top